ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง
นางจำปี กลางบน สมาชิกทอผ้ายกเมืองนครศรีธรรมราช ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรม ราช เล่าว่า เมื่อก่อนชาวบ้านมีความลำบากมาก ไม่มีถนนหนทางใช้สัญจรไปมา ผู้ชายต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงต้องอยู่เฝ้าบ้าน เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรบ้านเนินธัมมัง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2536 พระองค์ทรงมองเห็นถึงความลำบากของประชาชน ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพขึ้น

พระองค์รับสั่งให้หาคนมาทอผ้า ก็หาได้ 11 คน ตนได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ พระองค์ท่านในวันนั้นด้วย เมื่อมีโครงการศิลปาชีพสอนการทอผ้าทำให้ลูกหลานที่ไปทำงานต่างถิ่นก็กลับ มาฝึกหัดทอผ้าที่ศูนย์ฯ ปีต่อมาพระองค์ท่านก็รับสั่งให้ทอผ้าไหมเพิ่มอีก และเมื่อทอไป เรื่อย ๆ ก็มีรายได้ดีขึ้น มีการส่งเสริมให้ลูกหลานเข้ามาร่วมโครงการมากขึ้น ยังมาซึ่งความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น การเดินทางก็สะดวก ส่วนผู้ชายก็ได้กลับมาทำนา ทำสวน หาปลาบริเวณแหล่งน้ำใกล้บ้านเหลือกินเอาไปขายที่ตลาด อยู่ดีกินดีขึ้น ถือว่าเป็นความโชคดีของชาวบ้านที่นี่ที่พระองค์ได้พระราชทานความช่วยเหลือ

“มีความรู้สึกภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้ พูดทีไรก็ตื้นตันใจ หลังจากที่พระองค์ทรงส่งเสริมอาชีพขึ้น ก็ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเนินธัมมังดีขึ้น จากเมื่อก่อนที่มีลูก 5 คน 3 คนแรกไม่ได้เรียนหนังสือ ได้เรียนเพียง 2 คนเท่านั้นเพราะรายได้ไม่เพียงพอ มาตอนนี้ ทุกคนได้เรียนหนังสือหมด ทุกวันนี้นอกจาก ทอผ้าแล้ว ก็ยังปลูกปาล์มน้ำมันด้วยเพราะพื้นที่สามารถทำการเพาะปลูกได้แล้วหลังจากที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ และในศูนย์ศิลปาชีพแห่งนี้ก็ยังส่งเสริมให้ชาวบ้านทำนา ปลูกปาล์ม เลี้ยงปลา จักสานกระจูด ทุกคนมีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อยากให้พระองค์ท่านอยู่กับประชาชนไปอย่างยาวนานที่สุด” นางจำปี กลางบน กล่าว

ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดขึ้นเนื่องมาจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จฯเยี่ยมราษฎรในพื้นที่บ้านเนินธัมมัง หมู่ 5 ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2536 พระองค์ได้ทรงรับทราบถึงปัญหาความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่ซึ่งมีฐานะยากจน การประกอบอาชีพหลักคือการทำนา ผลผลิตที่ได้รับอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทำให้หัวหน้าครอบครัวต้องออกไปหางานทำต่างถิ่นเหลือแต่แม่บ้าน เด็ก และคนชรา พระองค์จึงได้ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อให้การก่อสร้างศาลาศิลปาชีพขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้สามารถประกอบอาชีพได้ โดยทรงส่งเสริมงานด้านศิลปาชีพให้แก่ราษฎรในพื้นที่และหมู่บ้านใกล้เคียง

ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง สมาชิกได้ดำเนินกิจกรรมใน 3 กลุ่มอาชีพ คือ กลุ่มทอผ้า กลุ่มแปรรูปกระจูดที่จักสานผลิตภัณฑ์ตามรูปแบบที่กองศิลปาชีพกำหนดให้จักสานเพื่อการจำหน่ายเอง และกลุ่มปักผ้าด้วยมือ ซึ่งสมาชิกกลุ่มนี้จะนำผ้าไปทอที่บ้านเมื่อเสร็จแล้ว ก็ส่งกองศิลปาชีพเพื่อจำหน่ายต่อไป
.


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น